เป็น
ธิดาของเศรษฐีชาวเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล
บิดามารดาเป็นคนมั่งคั่งร่ำรวยนางจึงได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี
นางเป็นหญิงรูปร่างงดงามแต่นางหลงรักชายคนใช้ของนางเอง
เมื่อบิดามารดาจะหาชายหนึ่งในชนชั้นเดียวกันมาแต่งงานด้วย
นางจึงนัดแนะให้คนใช้พาหนีแล้วไปสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยในชนบทอันทุรกันดาร
แห่งหนึ่ง
เริ่มแรกชีวิตในชนบทปฏาจารามีความสุขมากเพราะได้อยู่ใกล้ชิดกับชายคนรัก
เวลาผ่านไปไม่นานนางก็ตั้งครรภ์
ในเวลาใกล้คลอดนางมีความกังวลใจเพราะไม่มีบิดามารดและญาติอยู่ใกล้
นางจึงขอร้องให้สามีพากลับไปหาบิดามารดา
เมื่อสามีปฏิเสธการขอร้องเพราะกลัวเกรงบิดามารดาของนางจะเอาโทษ
นางจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพียงลำพัง นางคลอดบุตรคนแรกในระหว่างทาง
เมื่อสามีตามไปพบเข้าได้ชี้แจงเหตุผลต่างๆ จนพานางกลับบ้านได้สำเร็จ
ในเวลาต่อมาปฏาจาราตั้งครรภ์อีกเป็นครั้งที่สองและขอร้องสามีเหมือนครั้ง
ก่อน เมื่อสามีปฏิเสธคำขอร้องเหมือนครั้งที่แล้ว
นางจึงพาบุตรน้อยผู้กำลังหัดเดินหนีออกจากบ้าน
ในระหว่างทางนางปวดท้องอย่างรุนแรงเพราะกำลังจะคลอดบุตรและฝนได้ตกลงมาอย่าง
หนัก
สามีตามไปพบนางกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่ท่ามกลางสายฝนจึงไปตัดไม้เพื่อมาทำที่ กำบังฝนชั่วคราว แต่เขาถูกงูพิษร้ายกัดถึงแก่ความตาย ปฏาจาราคลอดบุตรด้วยความยากลำบาก แล้วนางอุ้มทารกและจูงบุตรน้อยตามไปพบศพสามีจึงมีความเศร้าโศกเสียใจมาก นางตัดสินใจจะพาบุตรไปหาบิดามารดาในเมือง เมื่อมาถึงลำธารใหญ่ที่น้ำกำลังไหลเชี่ยว นางไม่อาจพาบุตรข้ามน้ำพร้อมกันได้ จึงให้บุตรคนโตยืนรอที่ฝั่งข้างหนึ่ง แล้วนางก็อุ้มทารกแรกเกิดเดินข้ามน้ำไปอีกฝั่งหนึ่ง
สามีตามไปพบนางกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่ท่ามกลางสายฝนจึงไปตัดไม้เพื่อมาทำที่ กำบังฝนชั่วคราว แต่เขาถูกงูพิษร้ายกัดถึงแก่ความตาย ปฏาจาราคลอดบุตรด้วยความยากลำบาก แล้วนางอุ้มทารกและจูงบุตรน้อยตามไปพบศพสามีจึงมีความเศร้าโศกเสียใจมาก นางตัดสินใจจะพาบุตรไปหาบิดามารดาในเมือง เมื่อมาถึงลำธารใหญ่ที่น้ำกำลังไหลเชี่ยว นางไม่อาจพาบุตรข้ามน้ำพร้อมกันได้ จึงให้บุตรคนโตยืนรอที่ฝั่งข้างหนึ่ง แล้วนางก็อุ้มทารกแรกเกิดเดินข้ามน้ำไปอีกฝั่งหนึ่ง
หลังจากจัดแจงวาง ทารกน้อยไว้ในที่อันเหมาะสมแล้วนางได้เดินข้ามน้ำเพื่อกลับมารับบุตรคนโต ในขณะที่นางกลับมาถึงกลางน้ำนางเห็นเหยี่ยวตัวหนึ่งกำลังบินโฉบลงเพื่อจิก ทารกเพราะมันเข้าใจว่าเป็นก้อนเนื้อ นางจึงยกมือขึ้นไล่เหยี่ยวแต่ก็ไม่อาจช่วยชีวิตทารกน้อยได้เพราะเหยี่ยวมอง ไม่เห็นอาการที่นางขับไล่จึงเฉี่ยวลูกน้อยไป บุตรคนโตมองเห็นนางยกมือขึ้นทั้งสองข้างเข้าใจว่ามารดาเรียกตนจึงก้าวลงสู่ แม่น้ำอันเชี่ยวและถูกน้ำพัดพาหายไป ปฏาจาราสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในเวลาใกล้กันแต่นางยังยั้งสติได้ นางเดินร้องไห้เข้าสู่เมืองสาวัตถี และได้ทราบข่าวจากชาวเมืองคนหนึ่งในระหว่างทางว่าลมฝนได้พัดเรือนบิดามารดา ของนางพังทลายและเจ้าของเรือนก็ตายไปด้วย เมื่อนางทราบข่าวนี้นางไมอาจตั้งสติได้ นางสลัดผ้านุ่งทิ้งแล้ววิ่งบ่นเพ้อด้วยร่างกายอันเปล่าเปลือยเข้าไปในพระวิ หารเชตวัน ในขณะที่พระพุทธเจ้ากำลังทรงแสดงธรรมอยู่ท่ามกลางบริษัท ประชาชนเห็นนางแล้วร้องบอกกันว่า คนบ้าๆ อย่าให้เข้ามา พระพุทธเจ้าตรัสว่า ปล่อยให้นางเข้ามาเถิด แล้วตรัสให้นางได้สติ นางกลับได้สติดังเดิม ใครคนหนึ่งในที่ประชุมนั้นโยนผ้าให้นางนุ่งห่ม นางนั่งฟังพระธรรมเทศนาอันแสดงถึงความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่งพิจารณาไป ตามพระธรรมเทศนานั้นแล้วได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ทูลขอบวชพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้นางบวชในสำนักของภิกษุณี หลังจากบวชแล้วไม่นาน นางได้เพียรบำเพ็ญสมณธรรมด้วยความตั้งใจจริง และได้บรรลุอรหัตผลในที่สุด
พระปฏาจาราเถรีมีความสนใจในพระวินัยเป็นพิเศษ ตั้งใจศึกษาพระวินัยจนมีความรู้ความเชี่ยวชาญ ได้รับแต่งตั้งในตำแหน่งเอตทัคคะ (เป็นเลิศกว่าผู้อื่น) นางเป็นผู้ทรงพระวินัย เป็นกำลังในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ดำรงอยู่ในภาวะภิกษุณีจนพอสมควรแก่อายุขัยแล้วก็นิพพาน
คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง
1. เป็นผู้มีความตั้งใจจริง มนุษย์ยังมีกิเลส ทุกคนย่อมมีความผิดพลาดในชีวิต ถ้าใครผิดพลาดแล้วไม่ยอมแก้ไขปล่อยให้เลยตามเลย เป็นสิ่งไม่ควรทำไม่ดี แต่ถ้าใครกลับตัวและประพฤติตนให้เป็นคนดีได้ ย่อมเป็นบุคคลที่น่านับถือยกย่องเช่นเดียวกับพระปฏาจาราเถรี ซึ่งท่านมีความตั้งใจจริงนำสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตมาปรับปรุง ประพฤติปฏิบัติตนจนเป็นที่ยอมรับและได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้า
2. เป็นผู้แนะแนวชีวิต พระปฏาจาราเถรีมีความสามารถในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือแก้ปัญหาให้แก่คนที่ประสบการณ์พลัดพราก การสูญเสียคนอันเป็นที่รัก มักจะมาขอคำแนะนำจากท่าน ซึ่งท่านก็ได้ให้คำแนะนำทีดีและช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาเหล่านั้น จนสามารถนำไปปฏิบัติและแก้ปัญหาเองได
ที่มา http://www.br.ac.th/
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น